ที่ตั้งสาขา
Menu
TH EN
094 678 2888

รู้ไว้??ก่อนลุย!!(น้ำ)

หมวดหมู่: ความรู้คู่รถ | 11 มิถุนายน 2561 | จำนวนเข้าชม (1,624)

 

ในช่วงที่พายุฝนกระหน่ำทั่วทุกภาคของประเทศชนิดไม่มีทีท่าจะเลิกราง่าย ๆ หลายท่านคงเกิดคำถามในใจว่ารถยนต์คู่ใจของเราจะลุยฝน-ลุยน้ำอย่างไรถึงจะปลอดภัย "รู้ก่อนเหยียบ"จะขอนำทุกท่านมารู้จักเทคนิควิธีการขับรถลุยน้ำท่วมขังกัน

วิธีการขับรถลุยน้ำท่วมขัง

-ปิดแอร์ เพราะเมื่อคอมเพรสเซอร์แอร์ทำงาน พัดลมไฟฟ้าหน้าเครื่องก็จะทำงานด้วย และใบพัดของพัดลมจะปั่นให้น้ำกระจายไปทั่วห้องเครื่องอาจทำให้ระบบไฟฟ้าลัดวงจร จนเครื่องดับได้ นอกจากนี้ยังมีขยะที่ลอยมากับน้ำซึ่งอาจทำให้ใบพัดลมหัก หรือแตกไปทิ่มแทงหม้อน้ำจนเกิดปัญหาตามมาในที่สุด ดังนั้นเพื่อตัดไฟแต่ต้นลมขอแนะนำว่าอย่าเปิดแอร์โดยเด็ดขาด

-ใช้เกียร์ต่ำ ในรถเกียร์ออโตเมติก แนะนำให้ใช้เกียร์ Lส่วนรถเกียร์ธรรมดาให้ใช้ เกียร์ 1-2 โดยรักษาความเร็วรอบไว้ที่ประมาณ 1,500-2,000 รอบ/นาที

-ไม่ควรเร่งเครื่องให้รอบสูงๆ เพราะจะทำให้เครื่องยนต์มีความร้อนสูง จนพัดลมระบายความร้อนทำงาน จนอาจก่อให้เกิดความเสียหายเช่นเดียวกับการเปิดแอร์

-ไม่ต้องกลัวว่าน้ำจะเข้าท่อไอเสีย แล้วทำให้เครื่องยนต์ดับ เพราะต่อให้น้ำจะท่วมปลายท่อไอเสีย รถยนต์ที่สตาร์ทอยู่ในรอบเดินเบา ก็ยังสามารถระบายแรงดันไอเสียออกมาอย่างสบาย ๆ

-ลดความเร็ว เมื่อเจอรถสวนทาง เพื่อป้องกันคลื่นชนคลื่น ที่อาจเป็นอันตรายต่ออุปกรณ์ภายในได้

-รักษาระยะห่าง จากรถยนต์คันหน้าให้มากกว่าปกติ เนื่องจากเรามองอุปสรรคต่าง ๆ ซึ่งอยู่ใต้นำไม่เห็น นอกจากนี้ระบบเบรก ที่แช่อยู่ในน้ำจะมีประสิทธิภาพต่ำลง


วิธีปฎิบัติหลังลุยน้ำ

-พยายามย้ำเบรกเพื่อไล่น้ำ เพราะหลังจากการลุยน้ำ ระบบเบรกจะทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากผ้าเบรกจะอมน้ำเอาไว้ จึงต้องใช้วิธีการย้ำเพื่อไล่น้ำออก ทั้งนี้ในรถยนต์เกียร์ธรรมดา ต้องมีการย้ำคลัตช์ เพื่อไล่น้ำเช่นเดียวกับการย้ำเบรก เพื่อป้องกันปัญหาคลัตช์ลื่น ขณะที่รถเกียร์ออโตเมติกยำเบรกเพื่อไล่น้ำเพียงอย่างเดียว

-อย่าดับเครื่องทันที เมื่อถึงจุดหมาย เนื่องจากอาจมีน้ำค้างอยู่ในหม้อพักไอเสีย ทั้งนี้การติดเครื่องทิ้งไว้สักพัก จุดประสงค์ก็เพื่อไล่นำออกจากหม้อพักไอเสียเพื่อป้องกันการผุกร่อนก่อนเวลาอันควร

เทคนิคควรรู้

น้ำท่วมระดับไหนไม่ควรขับลุย

-ระดับน้ำ 5-10 ซม. ไม่อันตรายผ่านได้ทุกคัน

-ระดับน้ำ10-20 ซม. ยังปลอดภัยและอาจได้ยินเสียงน้ำใต้ท้องรถและมีคลื่นบ้างเวลาขับสวนกัน

-ระดับน้ำ20-40 ซม. เริ่มเสี่ยงสำหรับอีโค่คาร์ แต่รถกระบะยังผ่านได้

-ระดับน้ำ40-60 ซม. รถเก๋งต้องเลี่ยง รถกระบะเริ่มเสี่ยง ควรปิดแอร์ขณะขับ

-ระดับน้ำ60-80 ซม. อันตรายต่อรถทุกประเภท ใม่ชำนาญห้ามขับลุยเด็ดขาด

-ระดับน้ำเกิน 80 ซม. ระดับน้ำสูงสุดเท่าที่รถจากโรงงานจะสามารถขับผ่านได้


เมื่อเราห้ามฝนฟ้าไม่ได้ ก็ต้องเรียนรู้วิธีที่ต้องอยู่ร่วมกับน้องน้ำให้ได้...หากปฎิบัติได้ตามข้อมูลข้างต้นรับรองว่าทุกท่านจะผ่านหน้าฝนนี้ไปได้อย่างสบาย..

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : บริษัท มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด

อัพเดทข่าวสารผ่านทาง LINE
ไม่พลาดทุกโปรโมชั่นสุดคุ้มให้คุณได้รับทราบ
Add Friend ที่ ID : @masterusedcar

อื่นๆ

ข่าวกิจกรรม
20 ตุลาคม 2566
ข่าวรถยนต์
22 กันยายน 2566
ข่าวรถยนต์
22 กันยายน 2566
ข่าวรถยนต์
25 กรกฎาคม 2566
การใช้คุกกี้ของเรา

เราใช้คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการทำงานของเว็บไซต์ของเรา และเรามีความประสงค์จะใช้คุกกี้ทางเลือกเพื่อช่วยให้เราสามารถปรับปรุงเว็บไซต์ของเรา โดยเราจะไม่ใช้คุกกี้ทางเลือกจนกว่าท่านจะอนุญาตให้เราเปิดใช้งานคุกกี้ดังกล่าว

ท่านสามารถศึกษารายละเอียดของการใช้คุกกี้ได้จากนโยบายการใช้คุกกี้ของเรา นโยบายการใช้คุกกี้ ทั้งนี้ หากท่านกดยอมรับคุกกี้ทั้งหมด จะหมายความว่าท่านยินยอมให้เราบันทึกและใช้คุกกี้ทั้งหมดจากอุปกรณ์ที่ท่านใช้ในการเข้าเว็บไซต์ของเรา รวมถึงเพื่อทำให้การเลื่อนสำรวจหน้าเว็บและการวิเคราะห์การใช้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงเพื่อสนับสนุนการทำกิจกรรมทางการตลาดของเรา

ยอมรับคุกกี้ทั้งหมด