เชื่อว่านอกจากเรื่องราวของสายลับ 007 แห่งหน่วย MI6 กับภารกิจใหม่สุดระห่ำแล้ว ฉากแอ็คชั่นกับยานพาหนะคู่ใจยังเป็นที่น่าตื่นเต้นอยู่เสมอ
ล่าสุดแอสตัน มาร์ติน (Aston Martin) ค่ายลักซูรี่ซูเปอร์คาร์ (Luxury Supercar) จากเมืองผู้ดี ออกมายืนยัน 4 โมเดล ที่จะเข้าฉากแฟรนไชส์ภาพยนตร์ James Bond ภาคใหม่ “No Time To Die” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีตั้งแต่รถคลาสสิคตลอดกาล ไปจนถึงไฮเปอร์คาร์ล้ำอนาคต มาเริ่มกันเลยว่า ทีเด็ดของ Aston Martin จะมีรุ่นอะไรบ้าง
Aston Martin DB5
เริ่มจากรถคลาสสิคตลอดกาล Aston Martin DB5 ขวัญใจของแฟนๆ หลายคนทั่วโลก "The Most Famous Car in the World" ปรากฎตัวครั้งแรกในภาค “Goldfinger” ครั้งที่ 2 กับภาค “Thunderball” ต่อมาใน "GoldenEye" ปี 1995 และล่าสุดใน "Skyfall" รับบทโดย Daniel Craig (แดเนียล เคร็ก) รถ Aston Martin DB5 นั่นสามารถทำความเร็ว 0-60 กม. ใน 8 วินาที ด้วยพละกำลัง 282 แรงม้า
ซึ่งเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา รถ Aston Martin DB5 จาก James Bond ภาค “Thunderball” ถูกนำออกประมูลสาธารณะที่ Sotheby's Monterey และจบประมูลที่ราคา $6,385,000 (หรือประมาณ 190 ล้านบาท)
Aston Martin V8 Vantage
1977 Aston Martin V8 Vantage กลับมาอีกครั้ง หลังจากเคยปรากฎตัวมาแล้ว เมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา ในปี 1987 ภาค "The Living Daylights" ซึ่งสื่อยานยนต์กล่าวว่า V8 Vantage นั้นเป็นซูเปอร์คาร์คันแรกจากเกาะอังกฤษที่แท้จริง (The United Kingdom's first true supercar)โดยรถยนต์สามารถทำความเร็วสูงสุด 273 กม. / ชม. และความเร็วจาก 0-60 กม. ใน 5.2 วินาที
Aston Martin DBS Superleggera
เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ภาพยนตร์ James Bond ลำดับที่ 6 “On Her Majesty’s Secret Service“ นำแสดงโดย Sean Connery (ฌอน คอนเนอรี) Aston Martin ผลิตรถ DBS Superleggera รุ่นพิเศษ ที่อัดแน่นด้วยขุมกำลังเครื่องยนต์ 5.2 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 715 แรงม้า มาพร้อมสีพิเศษ Olive Green แรงบันดาลใจจากรถ Aston Martin DBS ปี 1969 ซึ่งจะปรากฎโฉมอีกครั้งในภาคล่าสุด
รถในตระกูล DBS นั้น เคยถูกนำมาเข้าฉาก James Bond ภาคก่อนหน้านี้ ได้แก่ DBS V12 ใน "Casino Royale" และ "Quantum of Solace" Aston Martin DBS Superleggera เวอร์ชั่นพิเศษ ถูกวางจำหน่ายในราคา $368,768 (ประมาณ 11 ล้านบาท) และราคา $304,995 (ประมาณ 9 ล้านบาท) สำหรับรุ่นธรรมดา
Aston Martin Valhalla
ขณะที่แอสตัน มาร์ติน กำลังผลิต และส่งมอบ Aston Martin DBS Superleggera ให้กับลูกค้าทั่วโลก Aston Martin Valhalla ก็อยู่ในระหว่างการพัฒนา และได้เปิดตัวครั้งแรกที่งาน Geneva Motor Show 2019
ในภาพยนต์ล่าสุดนี้ Aston Martin Valhalla คือรถไฮเปอร์คาร์ของค่าย และเป็นรถยนต์ที่เร็วที่สุดของทุกรุ่น ได้แรงบันดาลใจมาจากรถ F1 มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 ผสานระบบไฮบริด ให้กำลังถึง 1,000 แรงม้า จับคู่กับเกียร์ DCT 8 สปีด ระบบเฟืองท้ายแบบ Limited Slip Differential และพิเศษที่ตัวถังแบบ All Carbon Fibre น้ำหนักเบาน้อยกว่า 1,350 กิโลกรัม ส่งผลให้มีอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักที่ 750 แรงม้า / ตัน
ซึ่งคันที่ปรากฎตัวในภาพยนต์อาจจะเป็นรถต้นแบบ ก่อนการผลิตจริง สื่อยานยนต์คาดว่า Aston Martin Valhalla จะพร้อมจำหน่ายในปี 2021 ที่ราคาประมาณ $1.3 million (หรือราวๆ 39 ล้านบาท) และผลิตจำนวนจำกัด ไม่เกิน 500 คันทั่วโลก